ก่อนที่เราจะเล่นบาคาร่านั้น ก็ต้องควรที่จะรู้ถึงวิธีการเล่นบาคาร่ากันเสียก่อน สำหรับบทความนี้จะพาคุณมาเรียนรู้ถึงวิธีการเล่นบาคาร่าในแบบที่ไม่ยุ่งยากและเข้าใจง่าย
ก่อนอื่น เราควรคิดให้ได้ก่อนว่า เล่นบาคาร่าจะมีความคล้ายคลึงกับเล่นไพ่ป๊อกเด้ง เกมไพ่สุดฮิตของไทยเรานั่นเอง ต่างกันแค่ว่าในการเล่นบาคาร่านั้นเราไม่สามารถตัดสินใจที่จะจั่วไพ่ต่อด้วยตัวเองได้ แต่จะเป็นทางดีลเลอร์ หรือที่เรียกว่าพนักงานแจกไพ่ เป็นผู้ที่คอยพิจารณาโดยดูจากผลคะแนนรวมของไพ่ ซึ่งจะมีกติกาในการพิจารณาในการจั่วไพ่อยู่ และกติกาเหล่านั้นเองที่เราจะต้องเรียนรู้เอาไว้เพื่อให้เข้าใจในการเล่นบาคาร่า ซึ่งมีดังนี้
เรียนรู้วิธีการนับแต้มไพ่บาคาร่า
โดยไพ่แต่ละใบจะมีค่าไม่เท่ากัน ผู้ที่จะเล่นบาคาร่านั้นจะต้องเรียนรู้ก่อนว่าไพ่ไหนมีค่าเท่าไร โดยจะแยกเป็นดังนี้
– A มีค่าเท่ากับ 1
– J Q K มีค่าเท่ากับ 10
– หากมีการจั่วไพ่จำนวน 2 ใบแล้วแต้มรวมกันเกิน 9 แต้ม จะมีการหักแต้มออกจำนวน 10 แต้ม เช่น ไพ่ใบแรกได้ Q แล้วใบที่สองได้ 8 ก็จะมีค่ารวมเท่ากับ 8 ถ้าไพ่ในแรกมีค่าเท่ากับ 7 ใบที่สองมีค่าเท่ากับ 7 ค่ารวมก็จะเท่ากับ 14 เมื่อหักออก 10 แต้มก็จะเหลือ 4 แต้ม
– สำหรับแต้มรวมที่ได้ 8-9 จะเรียกว่า แนชเชอร์รัล
หากมีการจั่วไพ่ 2 ใบแล้วฝั่งใดฝั่งหนึ่งมีแต้มรวมเป็น 8-9 ก็จะไม่มีการจั่วไพ่เพิ่ม ให้ดูแต้มรวมของทั้งสองฝั่งตัดสินแพ้ ชนะ ในเกมนั้นได้เลย หากว่าทั้งสองฝั่งมีแต้มเท่ากันผลของเกมนั้นก็จะออกเสมอ
– สำหรับแต้มบาคาร่าที่ได้ 6-7 แต้ม
หากมีการแจกไพ่แล้วทางฝั่งเจ้ามือและฝั่งผู้เล่น มีแต้ม 6 หรือ 7 แต้ม ก็ให้เลือกอยู่ซึ่งหมายถึงไม่ต้องมีการจั่วไพ่เพิ่ม ให้มีการตัดสินแพ้ ชนะ ได้ทันที และหากในกรณีที่ผู้เล่นมีแต้ม 6 หรือ 7 แต้ม แต่ฝั่งเจ้ามือมีแต้มที่ต่ำกว่า 5 แต้มจะต้องมีการจั่วไพ่เพิ่ม
– สำหรับแต้มบาคาร่าที่ได้ 0-5
หากมีการจั่วไพ่แล้วแต้มรวมของไพ่สองใบแรกเท่ากับ 5 แต้มหรือต่ำกว่า 5 แต้ม ก็จะมีการจั่วไปเพิ่มอีก 1 ใบ
รายละเอียดการจั่วไพ่ใบที่สามของฝั่งเจ้ามือ
– หากแต้มรวมของไพ่สองใบแรกมีค่าเท่ากับ 3 แล้วจั่วไพ่ไปที่สาม ได้ 8 ตัดสินได้ทันที แต่ถ้าจั่วได้ 0-7 แต้ม และ 9 แต้ม จะต้องมีการจั่วเพิ่ม
– หากแต้มรวมของไพ่สองใบแรกมีค่าเท่ากับ 4 แล้วจั่วไพ่ใบที่สามได้ 1 แต้ม และ 8-10 แต้ม ให้ตัดสินได้ทันที แต่ถ้าจั่วได้ 0 แต้ม และ 2-7 แต้ม จะต้องมีการจั่วเพิ่ม
– หากแต้มรวมของไพ่สองใบแรกมีค่าเท่ากับ 5 แล้วจั่วไพ่ใบที่สามได้ 1-3 แต้ม และ 8-10 แต้ม ให้ตัดสินได้ทันที แต่ถ้าจั่วได้ 0 แต้ม และ 4-7 แต้ม จะต้องมีการจั่วเพิ่ม
– หากแต้มรวมของไพ่สองใบแรกมีค่าเท่ากับ 6 แล้วจั่วไพ่ใบที่สามได้ 1-5 แต้ม และ 8-10 แต้ม ให้ตัดสินได้ทันที แต่ถ้าจั่วได้ 0 แต้ม และ 6-7 แต้ม จะต้องมีการจั่วเพิ่ม
– ถ้าแต้มรวมของการจั่วไพ่สองใบแรกเท่ากับ 7-9 ไม่ต้องมีการจั่วไพ่เพิ่ม
อัตราการจ่ายเดิมพันบาคาร่า
เมื่อเล่นบาคาร่าแล้ว ก็ต้องรู้ถึงวิธีการจ่ายเงิน และอัตราการจ่ายเงิน และการวางเดิมพัน โดยจะมีรูปแบบที่ง่ายๆ และเข้าใจได้ไม่ยากคือ
– วางเดิมพันฝั่งผู้เล่น แล้วชนะ จะได้เงินในอัตรา 1:1
– วางเดิมพันฝั่งเจ้ามือ แล้วชนะ จะได้เงินในอัตรา 1:1 แต่จะต้องหักค่าคอมมิชชันไว้ 5 เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น หากวางเดิมพัน 100 บาทแล้วชนะ จะได้กำไร 95 บาท อีก 5 บาทถ้าเป็นเปอร์เซ็นต์ไว้
– วางเดิมพันว่าผลออกมาเสมอ จะได้เงินในอัตรา 1:8
– วางเดิมพันว่าฝั่งผู้เล่นจะออกคู่ จะได้เงินในอัตรา 1:11
– วางเดิมพันว่าฝั่งเจ้ามือจะออกคู่ จะได้เงินในอัตรา 1:11
สูตรเล่นบาคาร่าที่ได้รับความนิยม
ผู้ที่เล่นบาคาร่าทุกคนไม่ว่ามือใหม่หรือมืออาชีพย่อมจะต้องมีการศึกษาในการใช้สูตรบาคาร่า เพื่อเล่นบาคาร่าด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งสูตรบาคาร่าเบื้องต้นมีอยู่ 3 รูปแบบที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้เป็นตัวช่วยในการเล่นบาคาร่าได้ ดังนี้
- สูตรมังกร เป็นสูตรที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างมาก ซึ่งหมายถึงการที่ผลลัพธ์ของไพ่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นฝ่ายชนะติดต่อกันเกินกว่า 5 เกมขึ้นไป ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้วางเดิมพันฝั่งนั้นได้เลย
- สูตรบาคาร่าปิงปอง เป็นสูตรที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากสูตรมังกร เป็นลักษณะในการออกไพ่แพ้ชนะสลับกันไป แบบการตีปิงปองที่มีการตอบโต้กัน ซึ่งถ้าไพ่ออกมาในลักษณะนี้ให้เลือกวางเดิมพันสลับกันไปได้เลย
- สูตรสองตัวตัด เป็นสูตรที่มีลักษณะการออกไพ่แบบฝั่งหนึ่งฝั่งใดชนะติดกัน 2 เกมแล้วตัดไปที่อีกฝั่งหนึ่งชนะ 2 เกมติดแล้วตัดมาที่อีกฝั่งชนะอีก สลับกันไปแบบนี้เรื่อยๆ
ข้อดีและข้อเสียของการเล่นบาคาร่า
คงจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเกมพนันในทุกรูปแบบย่อมมีข้อดีและข้อเสียของเกมนั้นๆ อยู่แล้ว รวมถึงการเล่นบาคาร่า ก็มีข้อดีและข้อเสียอยู่เช่นกัน ซึ่งเมื่อเราเล่นบาคาร่าแล้ว ก็ควรรู้ถึงสิ่งนี้เอาไว้เพื่อให้เข้าใจในบาคาร่ามากขึ้น สำหรับข้อดีของการเล่นบาคาร่าคือ เป็นเกมพนันที่มีรูปแบบที่เล่นง่าย ใช้เวลาในการเล่นน้อย และสามารถทำกำไรได้เยอะ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาและต้องการเงินจำนวนมาก ส่วนข้อเสียของการเล่นบาคาร่าคือ เป็นเกมพนันที่มีความเสี่ยงที่สูง ต้องใช้การคำนวณและความใจเย็นในการวางเดิมพัน และต้องมีการคิดวิเคราะห์ก่อนการวางเดิมพันทุกครั้ง